อ่านชื่อบทความแล้ว ก่อนจะบอกต่อไปว่าการขี่จักรยานดีกว่าการวิ่งอย่างไร เพื่อไม่ให้นักวิ่งหรือผู้ที่รักการวิ่งทั้งหลายเข้าใจผิดหรือเสียใจไปว่าผู้เขียนไม่เห็นความดีของการวิ่ง ก็ต้องกล่าวก่อนว่า การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย มันเผาไขมันและคาร์โบไฮเดรทได้ดี มีค่าใช้จ่ายต่ำ อยู่ในกลุ่มการออกกำลังกายที่ถูกที่สุด และเป็นการออกกำลังที่ทำร่วมหรือประสานไปกับการออกกำลังกายอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะมาโต้กันว่าอะไรดีกว่ากัน ก็เห็นจะต้องยืนยันว่า
การขี่จักรยานดีกว่าการวิ่ง มาดูเหตุผลกันครับ
1. ง่ายกว่าและเบากว่า
จริงอยู่ที่การวิ่งเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรทคิดออกมาเป็นแคลอรีต่อระยะทางมากกว่าการขี่จักรยาน แต่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลเท่าที่พวกเขาสามารถขี่จักรยานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าพวกเขามีน้ำหนักมากหรือหุ่นยังไม่เพรียว ซึ่งน้ำหนักและหุ่นไม่เป็นปัญหาในการขี่จักรยาน ยิ่งกว่านั้นเมื่อคุณวิ่ง คุณต้องยกร่างกายพร้อมน้ำหนักขึ้นจากพื้นโลกเพื่อขับเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เมื่อยกขึ้นแล้วก็ต้องตกกลับมาหาพื้น ตรงนี้จะเกิดแรงกระแทก ซึ่งร่างกาย โดยเฉพาะข้อต่อในส่วนขา ต้องดูดซับเข้าไป ทั้งการยกขึ้นและกระแทกลงนี่เองที่ทำให้การวิ่งสัก 5 กิโลเมตรยากกว่า เหนื่อยกว่า หนักกับร่างกายมากกว่าการขี่จักรยาน 10 กิโลเมตรหรือแม้กระทั่ง 30-40 กิโลเมตร การมีน้ำหนักมากยัง “ลงโทษ” คนวิ่งมากกว่าทำกับคนขี่จักรยาน น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาแต่ละกิโลกรัมจะทำให้คนวิ่งไปได้ช้าลง ในขณะที่มีผลน้อยกว่ามากกับคนขี่จักรยานเมื่อเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวแบบเดียวกัน
2. สร้างความเสียหายกับร่างกายน้อยกว่า
การวิ่งกระทำกับร่างกายหนักกว่าการขี่จักรยาน ไม่ว่าคุณปั่นจักรยานหนักเท่าใด การศึกษาชิ้นหนึ่งเปรียบเทียบนักวิ่งแข่งกับนักแข่งจักรยานที่ต่างได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี โดยให้ออกกำลังกายติดกันสามวันๆ ละสองชั่วโมงครึ่ง พบว่านักวิ่งมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อกล้ามเนื้อมากกว่าร้อยละ 133-404 อาการอักเสบมากกว่าร้อยละ 256 และความเจ็บปวดกล้ามเนื้อมากกว่าร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับนักจักรยานในช่วงการฟื้นตัว 38 ชั่วโมงหลังการออกกำลังกายนั้น เดวิด นีแมน ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขที่ Appalachian State University ในสหรัฐอเมริกา หัวหน้าคณะที่ทำการศึกษาครั้งนี้เปิดเผยว่า ทางคณะรู้อยู่แล้วว่าการวิ่งสร้างความเครียดกับร่างกายมากกว่า แต่ก็แปลกใจที่ระดับความเสียหายต่อกล้ามเนื้อและการอักเสบนั้นมากกว่าที่คาดไว้มาก การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากการวิ่งนั้นมากกว่ามาก ทำให้ยากกว่าที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะรับมือกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้เขียนได้ฟังมาจากนักจักรยานหลายคนว่าเคยเป็นนักวิ่งมาก่อน แล้วเกิดการบาดเจ็บจึงหันมาขี่จักรยานแทน อาการเจ็บซึ่งส่วนมากเกิดที่หัวเข่าหายไป และยังได้ออกกำลังกายเหมือนเดิม
3. ไปได้หลายที่มากกว่า ทำอะไรได้มากกว่า
การที่เราสามารถขี่จักรยานได้หลายๆชั่วโมงทำให้เราสามารถไปยังสถานที่น่าสนใจได้หลายแห่ง ครอบคลุมพื้นที่ได้มากในระยะเวลาค่อนข้างสั้น คุณจะไม่ได้เห็นการวิ่งเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตรแบบการขี่จักรยาน อย่างรายการที่ยิ่งใหญ่ของโลก Tour de France หรือแม้กระทั่งรายการที่จัดว่าเล็กอย่าง Tour of Thailand เดี๋ยวนี้มีรายการแข่งจักรยานตั้งแต่ธรรมดาๆ ไปจนถึงชั้นเยี่ยมนับเป็นร้อยๆ รายการทั่วโลกในแต่ละปี นอกจากนั้น เมื่อคุณขี่จักรยาน คุณยังสามารถเอาของติดตัวไปได้ง่ายกว่า มากสิ่งกว่าเมื่อคุณวิ่ง ไม่เพียงแต่เอาของใส่กระเป๋าเสื้อไปเท่านั้น คุณยังสามารถสะพายกระเป๋าหรือเป้ และติดตั้งอุปกรณ์เสริมให้สามารถขนของไปกับจักรยานได้มากขึ้น ทำให้คุณสามารถทำอะไรได้หลายอย่างด้วยการขี่จักรยานนอกจากการออกกำลังกายที่ได้อยู่แล้ว รวมทั้งการใช้เป็นวิธีการเดินทางไปทำกิจต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และใช้ในการขนส่งสินค้า
4. กดความหิว
ในประเด็นนี้ การวิ่งกับการขี่จักรยาน “เสมอกัน” ครับ ครั้งหนึ่งนักวิจัยเคยเชื่อกันว่าการวิ่งมีประสิทธิผลมากกว่าการขี่จักรยานในแง่การกดฮอร์โมนความหิวตัวสำคัญที่ชื่อ acylated ghrelin แต่ล่าสุดไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ในการศึกษาที่เปรียบเทียบอำนาจในการกดความอยากอาหารที่เกิดจากการวิ่งอย่างแข็งขันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกับอำนาจเดียวกันที่เกิดจากการขี่จักรยานอย่างแข็งขันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง คณะผู้วิจัยชาวอังกฤษพบว่า ทั้งการวิ่งและการขี่จักรยานกดฮอร์โมนความหิวเกือบเท่ากัน แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ปั่นจักรยานอย่างหนักหนึ่งชั่วโมงก็ยังง่ายกว่าวิ่งหนักๆ ในเวลาหนึ่งชั่วโมงเท่ากัน ดังนั้นหากหวังผลเท่ากัน ขี่จักรยานดีกว่า
5. แสดงตัวตนในแบบของตนเองได้มากกว่า
ในเรื่องนี้ การวิ่งตกท้ายห่างการขี่จักรยานแบบไม่เห็นฝุ่น การขี่จักรยานเป็นกีฬาที่นักกีฬาสามารถแสดงบุคลิกความเป็นตัวตนออกมาได้เต็มที่มากที่สุดกว่ากีฬาใดๆ และสามารถทำให้เป็น “แฟชั่น” ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ตัวจักรยานทั้งคันและชิ้นส่วนต่างๆที่มาประกอบเป็นจักรยาน หมวกนิรภัย แว่นตา ถุงเท้า รองเท้า กระเป๋าใส่ของติดจักรยาน ชุดขี่จักรยาน ไม่ว่าจะเป็นชุดทั้งตัว เสื้อ กางเกง ถุงมือ ปลอกแขน ผ้าปิดหน้า(ผ้าบัฟ) และอุปกรณ์แต่งจักรยานอีกมากมายแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีขีดจำกัด
6. ว้าว!
การขี่จักรยานให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า ว้าว คุณกำลังบินไปในอากาศ เพราะคุณสามารถใช้พลังอันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ในธรรมชาติ คือแรงโน้มถ่วงกับแรงเฉื่อย มาขับเคลื่อนให้รถจักรยานของคุณแล่นไปได้โดยที่คุณไม่ต้องออกแรงปั่น บางครั้งด้วยความเร็วที่น่าหวาดเสียว เช่น ยามลงเขา มีความสุขกับสายลมที่พัดผ่านเส้นผม ซึ่งเกิดขึ้นแม้คุณจะใส่หมวกนิรภัยก็ตาม และลูบไล้ร่างกาย เป็นรางวัลหลังจากที่คุณออกแรงปั่นจนได้ที่แล้ว แต่ถ้าคุณวิ่งและหยุดก้าวเท้าไม่ใส่พลังงานเข้าไปเมื่อใด สิ่งที่เกิดขึ้นคือการยืนนิ่งอยู่กับที่ คุณไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ไม่ได้ความสุขใจอย่างที่ได้กับการขี่จักรยาน
7. เติบใหญ่(และแก่เฒ่า)ไปด้วยกัน
การขี่จักรยานเป็นสิ่งที่คุณสามารถหาความสุขจากมันได้ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าใดก็ตาม ตั้งแต่เริ่มเดินได้ไปจนวัยชรา การออกกำลังกายที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้สูงอายุทำคือ การเดิน ว่ายน้ำ และขี่จักรยาน ไม่มีการวิ่งเลย ดังนั้นถ้าคุณมองหา “กีฬาตลอดชีวิต” แล้ว การขี่จักรยานก็เข้าใกล้เป้าหมายอุดมคตินี้มากที่สุด อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนแรก แม้คุณจะเดินไม่ได้ คุณก็ยังขี่จักรยานได้เสมอ สาธุ!
กวิน ชุติมา กรรมการ-เหรัญญิก สถาบันการเดินและการจักรยานไทย เรียบเรียงจาก 7 Reasons Why Cycling is Better Than Running ใน Bicycling.com